การทำแฟนเพจ และ 45 วิธี ดูแล จัดการ Fanpage ให้ดังสุดๆ( by BentoWeb)




ตัวอย่างแฟนพจของคนเก่งๆ

https://www.facebook.com/GifCollagen?ref=notif&notif_t=fbpage_fan_invite




วีดีโอสอนทำแฟนเพจ เครดิตโดยคุณเจษ





วีดีโอสอนการทำแฟนเพจแบบละเอียด

https://www.youtube.com/watch?v=aMi2wzNygyQ

จะเรียนทำกับวีดีโอด้านบน หรือจะอ่านแบบละเอียดแบบด้านล่างนี้ เลือกได้เลยคับ



Facebook ช่วยให้คุณสามารถติดต่อกับฐานลูกค้าเดิม, หากลุ่มลูกค้าใหม่ หรือแม้แต่กระจายเรื่องราวธุรกิจข้อมูลสินค้าและบริการของคุณออกไปให้โลกได้รับรู้
คุณสามารถใช้ประโยชน์จาก Facebook กับธุรกิจของคุณ โดยผ่าน Facebook Page ครับ ซึ่งในบทความนี้เราจะอธิบายการสร้าง Facebook Page อย่างเป็นขั้นตอนครับ
Find us on Facebook

Facebook Page และการเลือกประเภท

Facebook Page คือ เครื่องมือที่เราสร้างขึ้นเพื่อใช้ติดต่อสื่อสารกับลูกค้า เราสร้าง Page ขึ้นมาเพื่อให้ลูกค้าหรือผู้ที่สนใจในธุรกิจของเราเข้ามากด Like ซึ่งเมื่อลูกค้ากด Like แล้ว ข้อความของเราจะไปปรากฎให้พวกเขาเห็นในหน้า News feed

ข้อแนะนำในการเลือกประเภทของ Page

ในระหว่างการสร้าง Facebook Page คุณจะต้องเลือกว่าคุณอยากจะให้ Page ที่คุณกำลังจะสร้างอยู่ในประเภทไหนใน 6 ประเภทที่ Facebook กำหนดขึ้น ซึ่งไม่ว่าคุณจะเลือกอะไร ผมอยากจะขอแนะนำให้คุณเลือกจาก มุมมองของลูกค้าว่ามองธุรกิจคุณเป็นแบบไหน ซึ่งมันจะช่วยให้ลูกค้าค้นหาหน้า Page ของคุณได้ง่ายขึ้นครับ

แล้วจะเลือกประเภทไหนดีละ

โดยทั่วๆไป แล้วคุณน่าจะเลือกระหว่าง 3 ประเภทนี้ คือ 1) ธุรกิจท้องถิ่นหรือสถานที่ 2) Company, Organization or Institution 3) แบรนด์หรือผลิตภัณฑ์
หากคุณมีหน้าร้านที่ลูกค้าสามารถแวะเข้าไปได้ คุณควรที่จะเลือก ธุรกิจท้องถิ่นหรือสถานที่ ยกตัวอย่างเช่น ร้านขายกระเป๋าที่ Siam Square, ร้านขายเสื้อผ้าที่จตุจักร, ร้านสปา-นวดแผนไทยที่สาทรเป็นต้น นอกจากนี้เมื่อลูกค้าทำการ Check in ที่หน้าร้าน ข้อมูลดังกล่าวก็จะไปปรากฎบนหน้า Wall ของ Page ของเรา, หน้า Wall ของลูกค้า, และหน้า News Feed ของเพื่อนลูกค้าอีกด้วย
เลือก Company, Organization or Institution หาคุณเป็นองค์กร บริษัท หรือ สถาบันการศึกษาที่ ลูกค้าไม่ได้ไปหาคุณที่หน้าร้าน
หากคุณมี Brand หรือสินค้าที่เป็นของคุณเองเลือก แบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ นะครับ หรือถ้าหากคุณไม่มีหน้าร้านแต่อยากจะเริ่มเปิด Page คุณสามารถเลือกตัวเลือกนี้ได้ครับ
คุณสามารถกลับมาเลือกประเภท FB Page ได้ใหม่ หลังจากที่สร้าง FB Page เสร็จแล้วดังนั้นไม่ต้องซีเรียสเกินไปนะครับ
Facebook Type

ขั้นตอนการสร้าง Facebook Page

ขั้นตอนที่ 1

เริ่มโดยการไปที่ :
www.facebook.com/pages/create
คุณจะพบหน้าแบบนี้ที่ Facebook ครับ
โดยหลักๆแล้วจะมีชนิดของเพจให้เลือก 6 ชนิด คือ
  1. ธุรกิจหรือสถานที่ท้องถิ่น
  2. บริษัท องค์กร หรือสถาบัน
  3. แบรนด์หรือผลิตภัณฑ์
  4. ศิลปิน วง หรือบุลคลสาธารณะ
  5. บันเทิง
  6. สาเหตุหรือชุมชน
ให้เลือกชนิดของเพจที่ตรงตามรูปแบบของสินค้า หรือ ธุรกิจ ของคุณ
P1

ขั้นตอนที่ 2

โดยผมจะขอเลือกเพจชนิด ธุรกิจหรือสถานที่ท้องถิ่น โดยในส่วนนี้จำเป็นต้องใส่รายละเอียดให้ครบในทุกช่องนะครับ
  • โดยเริ่มจากช่องแรกคือประเภท ผมได้ทำการเลือกเป็นประเภท บริการทางธุรกิจ
  • ชื่อเพจโดยผมจะกำหนดเป็น BentoWeb Page Test
  • ที่อยู่ (ขอแนะนำให้กรอกข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษนะครับ เพื่อให้ Facebook สามารถค้นหาตำแหน่งได้ถูกต้อง รวมไปถึงการทำจุด Check-in)
  • ในช่องของ เมือง/รัฐ หากกรอกข้อมูลเป็นภาษาไทยทาง Facebook จะไม่สามารถดำเนินการต่อได้ครับ โดยผมขอแนะนำให้ใส่ข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษครับ ทางระบบจะมีตัวเลือกขึ้นมาให้เลือกครับ (ให้กรอกเพียง Bang ครับ ระบบจะแสดงตัวเลือกขึ้นมาให้ในลักษณะนี้ครับ Bangkok, Thailand)
  • รหัสไปรษณีย์
  • เบอร์โทรศัพท์
  • เลือก ฉันยอมรับ เงื่อนไขหน้า Facebook
จากนั้นกดที่ปุ่ม เริ่ม ครับ
Fix 1

ขั้นตอนที่ 3

1.เกี่ยวกับ
ส่วนนี้จะเป็นการเพิ่มข้อมูลต่างๆให้กับหน้าเพจครับ โดยเริ่มจาก
  • ในช่องของหมวดหมู่ ให้ใส่ประเภทของธุรกิจ (ตัวอย่างจะเป็น ผู้ให้บริการทางอินเตอร์เน็ต โดยในส่วนนี้ให้ทดลองใส่ประเภทดูนะครับ ทางระบบจะแสดงตัวเลือกขึ้นมาให้ เพราะข้อมูลในส่วนนี้จะไม่สามารถตั้งเองได้ครับ)
  • ส่วนในช่อง “เพิ่มคำอธิบายด้วยข้อมูลเบื้องต้นสำหรับ BentoWeb Page Test” ให้ใส่เป็นรายละเอียดสำหรับเพจครับเช่น “BentoWeb คือ ระบบร้านค้าสำเร็จรูป…..” (จำเป็นต้องใส่รายละเอียดครับ)
  • ถัดมาจะเป็นช่องให้ใส่ “เว็บไซต์ของคุณ” (หากไม่มีสามารถเว้นช่องนี้ไปได้เลยครับ)
    ในที่นี้ผมจะใส่เป็น http://www.BentoWeb.com
  • Bentoweb Page Test เป็นการก่อตั้ง ธุรกิจ หรือสถานที่จัดงานที่มีอยู่จริงให้เลือกใช่, ไม่มีอยู่จริงให้เลือกไม่ครับ
  • Bentoweb Page Test จะเป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการที่ได้รับอนุญาตของการก่อตั้งธุรกิจ หรือสถาที่จัดงานนี้บน Facebook หรือไม่
P3P4

ขั้นตอนที่ 4

2.รูปประจำตัว
ส่วนนี้เป็นการเพิ่มรูปประจำตัว (รูป Profile)
โดยผมจะขออนุญาตอัพโหลดรูปจากในคอมพิวเตอร์ของผมนะครับ
ให้เลือกไปที่ “อัพโหลดจากคอมพิวเตอร์” ครับ
เมื่อทำการเลือกรูปเสร็จเรียบร้อยให้กดที่ปุ่ม ถัดไป ครับ
P5
P6

ขั้นตอนที่ 5

3.เพิ่มในรายการโปรด
ส่วนนี้จะเป็นขั้นตอนที่ทางระบบจะถามเราว่าต้องการเพิ่มหน้าเพจนี้ลงในรายการโปรดหรือไม่ หากไม่ต้องการเพิ่ม สามารถกดข้ามไปได้เลยครับ
P7

ขั้นตอนที่ 6

4.เข้าถึงผู้คนเพิ่มเติม
ส่วนนี้จะเป็นขั้นตอนการทำโฆษณาให้กับหน้า Facebook Page ครับ จะเป็นการโปรโมทหน้าเพจให้มีคนพบเห็นมากขึ้น และสามารถช่วยเพิ่มจำนวน Like ให้กับทางเพจได้แน่นอนครับ แต่ก็จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายในการโปรโมท ซึ่งในส่วนของค่าใช้จ่ายนั้นจะเป็นไปตามข้อกำหนดของทาง Facebook ครับ
หากไม่ต้องการใช้บริการในส่วนนี้สามารถกดที่ปุ่ม ข้าม ไปได้เลยครับ
P8

P9
เป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ สำหรับการสร้างเพจ ผมต้องขอชี้แจงสักนิดนึงนะครับ ข้อมูลในเบื้องต้นที่ได้ทำการกรอกลงไปนั้น จะสามารถกลับไปแก้ไขได้ในทุกส่วนนะครับ
และที่สำคัญอย่าลืมเข้าไปทำการเพิ่ม Facebook Username ด้วยนะครับ เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ และสะดวกต่อการโพสลิงค์เพื่อประชาสัมพันธ์

**สำหรับผู้ที่ต้องการสร้างจุด Check-In**

ในส่วนของที่อยู่นั้นจำเป็นอย่างมากที่จะต้องกรอกข้อมูลเป็นภาษอังกฤษครับ
สำหรับผู้ที่ทำการสมัครเพจในชนิด ธุรกิจหรือสถานที่ท้องถิ่น โดยส่วนมากแล้วจะใส่ที่อยู่เป็นภาษาไทยครับ โดยที่หากใส่เป็นภาษาไทยนั้น Facebook สามารถกดเริ่มได้ครับแต่เมื่อต้องการให้ระบบของ Facebook นั้นค้นหาตำแหน่งที่ถูกต้องจริงๆจะไม่สามารถทำได้ครับ ดังภาพด้านล่างนี้จะแสดงให้เห็นว่า เมื่อตอนที่ทำการสร้างเพจใส่ที่อยู่เป็นภาษาไทย นั้นผลที่ได้จะเป็นดังนี้ครับ
FB Page1
เมื่อทำการสร้างเพจประเภท ธุรกิจหรือสถานที่ท้องถิ่น ขึ้นมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว(แต่ในส่วนของที่อยู่ กรอกข้อมูลเป็นภาษาไทยนะครับ) เมื่อเข้าไปดูในส่วนของรายละเอียดของเพจจะมีตำแหน่ง Check-in ขึ้นโชว์ครับ แต่ตำแหน่งนั้นจะไม่ตรงกับตำแหน่งจริงครับ หากเข้าไปดูในหน้าของการแก้ไขเพจจะเห็นเป็นตัวหนังสือสีแดงขึ้นบอกว่า “ไม่สามารถทำการค้นหาตำแหน่งที่คุณระบุไว้ได้” อาจจะเป็นผลทำให้ลูกค้าเปิดการ Check-in ขึ้นมาแล้วเห็นว่าตำแหน่งไม่ตรงกับตำแหน่งจริง อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ลูกค้าทำการสร้างจุด Check-in ขึ้นมาใหม่ (**สำหรับจำนวนคนกด Check-in จะไม่สามารถนำมารวมกันได้นะครับ**)
FB Page2สำหรับการใส่ ที่อยู่ ที่ถูกต้องจะเป็นลักษณะนี้นะครับ จะทำให้ตำแหน่งและพิกัดถูกต้อง จึงทำให้การ Check-In ไม่ผิดพลาดครับผม^^

**หมายเหตุ** : เนื่องจากหลายๆคนอาจจะเกิดการสับสนระหว่าง คำว่า ชื่อเพจ, ที่อยู่, เว็บไซด์ โดยที่ทั้ง 3 คำนี้นั้น จะอยู่ในคนละขั้นตอนนะครับผม ผมจะขออนุญาตชี้แจงทีละหัวข้อนะครับ
ชื่อเพจ : จะเป็นชื่อของเพจครับ โดยส่วนนี้จะสามารถกำหนดได้หลังจากเลือกประเภทของเพจครับ ดังตัวอย่างนั้นจะเป็นเพจประเภท ธุรกิจหรือสถานที่ท้องถิ่น หลังจากนั้นในบรรทัดแรกจะเป็นการเลือกหมวดหมู่ของเพจครับ ถัดมาบรรทัดที่สองจะเป็นหัวข้อ “ชื่อธุรกิจหรือสถานที่” ส่วนนี้คือชื่อที่เมื่อทำการตั้งแล้ว ชื่อในช่องนี้จะเป็นชื่อของเพจ ครับ
จากตัวอย่างในบทความจะอยู่ในขั้นตอนที่ 2 ครับ
ที่อยู่ : จะเป็นที่อยู่ของตัวเราครับ เช่น BentoWeb จะอยู่ที่ 549/9 Sathupadit 34 Sathupadit Rd. Bangpongpang, Yannawa Bangkok 10120
เหตุผลที่จำเป็นต้องใส่ข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษ นั้นเป็นเพราะว่าข้อมูลตำแหน่งของทาง Facebook จะเป็นภาษาอังกฤษ จึงทำให้ข้อมูลภาษาไทยนั้นจะไม่สามารถค้นหาตำแหน่งได้ครับ อาจจะส่งผลให้กรณีที่ต้องการสร้างจุด Check-in นั้นไม่สามารถทำได้ครับ
จากตัวอย่างในบทความจะอยู่ในขั้นตอนที่ 2 ครับ
เว็บไซด์ : ส่วนนี้จะอยู่ในขั้นตอนหลังจากที่เลือกประเภทของเพจและกรอกข้อมูลเรียบร้อยแล้ว สำหรับเว็บไซด์นั้นให้กรอกเป็นที่อยู่เว็บไซด์ของตัวคุณเอง ยกตัวอย่างเช่น คุณมีเว็บไซด์สำหรับธุรกิจอยู่แล้ว(www.bentoweb.com) แต่ต้องการสร้าง Facebook Page ขึ้นมาเพิ่มเติม ในช่องนี้ให้คุณนำเว็บไซด์ของคุณมาใส่ในช่องนี้ครับ(www.bentoweb.com) แต่ในกรณีที่คุณไม่มีเว็บไซด์ สามารถเว้นว่างในช่องนี้ได้ครับ 123
จากตัวอย่างในบทความจะอยู่ในขั้นตอนที่ 3 ครับ

BentoWeb เป็นระบบร้านค้าสำเร็จรูปที่สามารถรองรับการสั่งซื้อได้จากทุกช่องทาง (Facebook Page, Website, Mobile) สามารถ เชื่อมต่อFacebook Page ได้ในทันทีครับ เพียงไม่กี่ขั้นตอนเพื่อเป็นการช่วยให้เจ้าของร้านสามารถบริหารจัดการ รายการสั่งซื้อจากทางลูกค้าง่ายขึ้น สะดวกรวดเร็ว สามารถทำการสมัครเปิดร้านค้ากับ BentoWeb ได้ที่นี่ครับ

45 วิธี ดูแล จัดการ Fanpage ให้ดังสุดๆ
รวบรวม 45 เทคนิค และ วิธีการ โปรโมทแฟนเพจ / Fanpage ให้ดังสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นการ โปรโมท แฟนเพจ ร้านขายเสื้อผ้า, ร้านขายเครื่องสำอางค์ และ อื่นๆ ที่ใช้ แฟนเพจ เป็นช่องทางหนึ่งในการติดต่อสื่อสาร หรือ เปิดรับลูกค้ารายใหม่ จาก Social Media
สำหรับท่านผู้อ่านทุกท่าน ไม่ว่าจะเปิด แฟนเพนขายเสื้อผ้า, Fanpage ขายเครื่องสำอางค์ หรือ ร้านค้าที่ใช้หน้า Fanpage เป็นการ PR หรือ ประชาสัมพันธ์ สินค้า ก็ตาม Fanpage ก็คือแฟนเพจ หลักการในการจัดการคล้ายกัน ขึ้นอยู่กับว่าเราจะหยิบฟังชั่น หรือ วิธีการไหนในการ โปรโมทแฟนเพจ...
ทางเราได้รวบรวมข้อมูล การจัดการแฟนเพจ จากการสังเกตุ จดจำ และ ข้อมูลดีๆ จากที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ หรือ ข้อมูลใน Internet เพื่อรวบรวม และ จัดทำ Check List ในการจัดการแฟนเพจ ดังนี้
1. ข้อนี้สำคัญมากๆ ครับ ลบข้ออื่นทิ้งหมดถ้ามีข้อนี้ยังไงก็อยู่ได้...ต้องมีข้อนี้ ไม่มีไม่ได้ คือ " ความตั้งใจ "
2. สร้างแฟนเพจ ไม่เป็น เริ่มต้นง่ายๆ ได้ที่นี่ http://facebook.com/pages/create/
3. ชื่อร้านมีผลกับการติดอันดับ บน Google / SEO แต่ ชื่อร้านไม่สามารถแก้ไขได้ หลากมี Like จำนวนมากๆ และ ชื่อร้านมีผลกับการ Branding ให้คนจดจำในอนาคต หลายครั้งที่ Fanpage ขึ้นอันดับเพราะชื่อแต่ Fanpage ไม่มีคุณภาพ วิธีการนี้อาจใช้ไม่ได้ตลอดไป / ไม่ยั่งยืนครับ
4. ย่อ Link / URL ให้สั้น จำได้ง่าย สามารถเข้าย่อ Like ได้ที่ http://facebook.com/username สามารถตั้งค่าชื่อ URL / เปลี่ยน URL ได้ตั้งแต่ตอนสร้าง Fanpage หรือ มี Like มากกว่า 25 Like
5. เลือก Type ของ Fanpage ให้เหมาะสม & ใส่รายละเอียดแฟนเพจให้ครบถ้วน ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือได้
6. อย่า Spam Post ตาม Fanpage ต่างๆ ระวังจะโดนแบน เค้าไม่ให้คุณ Post โฆษณาร้านฟรีๆ หลอก เพราะร้านส่วนใหญ่ ที่อยู่ได้ เสียเงินโปรโมททั้งนั้น ไม่ว่ามากหรือน้อย ลบได้ก็ลบ Ban ได้ก็ Ban Report ได้ก็ Report ไม่มีธุรกิจไหนอยู่ได้ จากการสร้างความรำคาญ ซึ่งสินค้าอาจจะดีแต่คนมองไม่ดี ปิดใจไปแล้ว คงขายได้ยาก
7. เพิ่มความหน้าเชื่อถือของร้านด้วย รูปร่างหน้าตาของ Fanpage ร้านสวย ดูดี ใครๆ ก็อยากซื้อ รับออกแบบแฟนเพจ แอบขายนิดนึ่ง คริคริ : http://nextthailand.com/fanpage-design.php
8. ขยันเข้ามาตอบคำถาม Comment / Post เพราะคู่แข่งเยอะมากกกกกก ลูกค้าเปลี่ยนใจได้ง่ายๆ แค่คลิก !!!
9. สามารถอัดรูปสินค้าลงในอัลบัมได้ในครั้งเดียวได้ เพื่อให้ลูกค้าได้เข้ามาเลือกดู เลือกชม เลือกซื้อ
10. ทุกๆ ครั้งที่ Post มีคนเห็นเพียง 10% ของจำนวน Like หมายความว่ามีอีก 90% ยังไม่เห็นในสิ่งที่เรา Post ดังนั้นเราควร Repost หรือ Post ซ้ำที่ Time Line เป็นระยะๆ ห่างกันอย่างน้อย 30 นาที - 1 ชั่วโมง แต่เอาให้เนียนนะครับ เดี๊ยว 10% ที่เห็นแล้วเค้าจะรำคาญเอานะครับ
11. Post ให้เหมาะสมอย่า Post บ่อยจนเกินไป หรือ น้อยจนเกินไป ซึ่งโดยทั่วไป 3-5 ครั้ง / วัน
12. เลือกช่วงเวลาที่ Post ให้เหมาะสม มีผลกับการเข้าถึงกลุ่มคน หรือ Fanpage ของเรา ควรเลือก Post ช่วงเวลาหลังเที่ยง เป็นต้นไป เน้นช่วง 2-3 ทุ่ม คนจะเล่นเยอะที่สุดครับ ข้อมูลนี้เป็นเพียงการเปลี่ยบเทียบหลายๆ State จากประสบการณ์ของผู้เขียน แต่ละร้าน ช่วงเวลา Peak ไม่เหมือนกัน 100% แต่มีลักษณะของกราฟช่วงเวลาคล้ายกัน
13. ตั้งเวลา Post เลือกช่วงเวลาได้เอง กันลืม Post เหมือนมีผู้ช่วยนับ 10 Plan Post ยาวๆ ที่เหลือรอ Feedback ช่วยทำให้เรา มีเวลามากขึ้น ทำตามได้ที่ : http://nextthailand.com/set-time-to-post.php
14. แต่ละ Post แต่ละรูปควรใส่ข้อมูลให้ครบ โดยเฉพาะวิธีการ Contact ตัวอย่างเช่น คำอธิบาย / คำโฆษณาชวนเชื่อ, ขนาดเสื้อ, ราคา, ข้อมูลติดต่อผู้ขาย (Tel / Email / Line) และ วิธีการสั่งซื้อ
15. อย่ามองข้าม Line ทำให้การติดต่อง่ายขึ้น...ผมได้ลูกค้าจาก Line เยอะมากกกกกก
16. ปิดท้ายทุก Post ด้วย Link Message : https://www.facebook.com/messages/__________________
17. ถ้าคุณเปิดร้านใหม่ อย่า Post น้อย Post เยอะๆ เข้าไว้ อย่าทำให้เค้ารู้ว่าเราเปิดใหม่ มีผลกับความน่าเชื่อถือครับ
18. ถ้า Like ยังน้อยมาก / เพิ่งเปิดใหม่ ให้ Plan โปรโมทร้านด้วย Facebook Ads เยอะหน่อย เพื่อให้ได้ Like เร็วที่สุด แล้วค่อย ลด Budget ลงมาให้ลักษณะที่สามารถอยู่ได้ หรือ คุ้มทุนนั่นเอง + ระยะเริ่มต้นคงเป็นช่วง 3 เดือนแรก ถ้าอยู่ได้ ต่อไปคงไม่น่ามีอะไรยาก สู้ๆ ^^
19. ไม่แนะนำบริการปั่น Like / บริการ Like ราคาถูก เพราะ Feedback ดีสู้ Facebook Ads ไม่ได้ ปัญหาที่เกิดจากการปั่น Like อาจมีตามมา อาทิ ได้ Like ผิดเพศ ขายเครื่องสำอางค์ / เสื้อผ้าผู้หญิง เอา Like ผู้ชายมาทำไมคร๊าบ!!! , Like ลดลง อย่างรวดเร็ว หรือ ถ้าอาการหนักหน่อย Fanpage ถูกแบน T T ถ้าห้ามไม่ได้จริงๆ แนะนำซื้อซัก 3,000 - 5,000 Like ก็พอ เพื่อสร้าง Credit แต่เลือกเพศหน่อยก็ดีนะครับ
20. ใช้ โฆษณา Facebook Ads ปล่อย Ads ตาม Target กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพื่อเพิ่ม Like จริง Like คุณภาพ Like จาก Banner ด้านขวามือ ชอบไม่ชอบ Like ไม่ Like ขึ้นอยู่กับลูกค้ารายนั้นๆ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านั้นจะติดตามคุณ เชียร์คุณ Share Post คุณ Comment ถามคุณ และ สั่งซื้อจากสินค้าจากคุณ สามารถดูรายละเอียดได้ที่นี่ :http://nextthailand.com/facebook-ads.php Like จริงหรือเปล่าส่วนใหญ่จะดูที่ Feedback ของ Post ของ Page นั้นๆ
21. ใช้ Boot Post / Promote Post / ส่งเสริมโพสต์ ในกรณีที่มี Like (จริง) บ้างแล้ว และ เป็น Post ที่สามารถปิดการขายได้ หรือ มีความสำคัญมากๆ ราคาเริ่มต้นเพียง 160 บาท / เลือกราคาได้ ระบบนี้จะใช้สำหรับโฆษณา Post นั้นๆ กับ แฟนเพจที่มีอยู่, เพื่อนของ Fanpage หากใช้บริการ Facebook Ads ของเรา ค่าบริการ Boot Post ฟรี ไม่จำกัดจำนวนครั้ง แต่ลูกค้าต้องรับผิดชอบเรื่องค่าโฆษณาในแต่ละครั้งเองนะครับ
22. Post เรื่องอื่นบ้าง Content is The King อย่า Post แต่สินค้า ลูกค้าจะเบื่อเอา Post เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสินค้า หรือ ไม่ เกี่ยวข้อง แต่ เป็นเรื่องราวที่ทุกๆ คนชอบ ตามกระแสข่าว ตามกระแสเทศกาลต่างๆ เรื่องราวเตือนภัย ทำบุญ ขำขัน SEX...Y อันหลังสุดแล้วแต่ดุลยพินิช และ ชนิดของสินค้านะครับ อิอิ
23. นางแบบสวยช่วยได้ หลายครั้งที่ร้านค้ามักมีโปรโมชั่นพิเศษ สำหรับลูกค้าที่สวย / น่ารักให้ช่วย Review สินค้าให้หน่อย หรือ ให้ลูกค้าที่ใช้สินค้าถ่ายรูปคู่กับสินค้าแล้ว Post / ส่งรูปเข้ามา ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
24. กด Like Page คู่แข่งให้หมด โดยเฉพาะร้านที่ดังกว่าเรา อิอิ เพื่อติดตามโปรโมชั่นข่าวสารของเค้า ทุกความเคลื่อนไหว ศึกษาพฤติกรรมการ Post เพื่อเรียนรู้ + เรียนแบบ + คิด Apply ให้ได้ในสิ่งที่ดีเทียบเท่า / ดีกว่า
25. หัดอ่าน Report สังเกตความเคลือนไหวของ Fanpage ดี หรือ ร้ายจะได้รับมือได้ทัน
26. ตอบทุก Comment แม้ Comment นั้นจะ Inbox มาแล้ว หรือ โทรมาแล้วก็ตาม เพราะลูกค้าคนอื่นๆ จะได้รู้ว่า Page เรามีการจัดการ และ มีผู้ดูแลอยู่ตลอดเวลา
27. เพิ่ม Tab สถานะการจัดส่งของไปรษณีไทย เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ
28. Post Tracking no. การจัดส่งของให้ลูกค้า ที่แฟนเพจ เพื่อที่ลูกค้าใหม่ได้รู้ว่าร้านเราส่งของจริง !!!
29. เล่นเกมส์ง่ายๆ บนหน้า Fanpage เพจแจกของรางวัล เพื่อให้คนกด Like และ Share Post / Page นั้นๆ
30. ใช้ Fanpage เป็นสะพานโปรโมท Social Media อื่นๆ อาทิ Instagram, Pinterest, Twitter, YouTube
31. ใช้ Youtube และ Website ในการโปรโมท Fanpage ของเราโดยการใส่ Like หรือ ชื่อแฟนเพจทุกที่ที่สามารถใส่ได้
32. ใส่ลายน้ำที่รูปภาพที่ Post ทุกรูป ตัวอย่างเช่น จะเห็น รูปภาพตลกๆ หรือ คำคม ที่ Page อื่นๆ เห็น แล้ว Share หรือ Copy มา Post โดยติด ลายน้ำของ Fanpage นั้นๆ
33. Post รูปสวยๆ + ข้อความทุกครั้ง ใช้รูปดึงดูดสายตาของคนดู เพื่อให้อ่านข้อความที่เรา Post อย่า Post ข้อความเดี่ยวๆ โดดๆ หากคุณไม่ใช่ดารา ^^
34. ใช้ Post ต่อ Post Social ไม่ได้มีเพียง Facebook เท่านั้นสามารถหารูปภาพสวยๆ มา Post ที่ Page ได้จาก Social Media อื่นๆ ได้เช่น Pinterest, Google Plus, Google Search Images, etc.
35. ผูก Social Media ที่มีอยู่ทั้งหมด รวมกันเป็นแพ Link เข้าหากันและกัน
36. แปะ Like / Icon / Add on ของ Fanpage ที่เว็บไซด์ / Blog หรือ เครือข่ายเว็บที่เรามี อย่าปล่อยให้ Traffic เสียเปล่า นะครับ เอามาใช้ให้หมด
37. ความน่าเชื่อถือสำคัญกับการตัดสินใจซื้อสินค้าจาก Fanpage นั้นๆ ลองคิดกันดูนะครับว่าอะไรที่จะทำให้เค้าเชื่อเรา และ สั่งซื้อสินค้าจากเราได้บ้าง
38. Post ผิด Like หาย เช่น การแบ่งแยก แบ่งสี การดูถูกสีผิว หน้าตา หรือ การแบ่งรวยจน เมื่อมีการแบ่งแยกเกิดขึ้น Like ที่ไม่พอใจคุณจะหายไป หรือ หากเค้าไม่พอใจเอามากๆ Fanpage อาจหายไปทั้ง Page ระวังไว้นะครับ
39. สมัยนี้แค่ Like คงไม่พอเมื่อ Facebook ออกมาประกาศว่ามีคนเห็นในสิ่งที่เรา Post เพียง 10% ของจำนวน Like เท่านั้น ดังนั้นต้องพยายามให้ลูกค้า Add Favorites Page / Add to Interest Lists
40. เมื่อมี Comment ที่ Post ให้กด Like เพื่อแสดงการรับรู้ และ พยายามใช้ Reply เพื่อให้เฉพาะคนที่ Comment ให้ Reply นั้นเพียงคนเดียว ณ ตอนที่เขียน มือถือยังไม่รองรับฟังชั่นนี้ครับ
41. หากคุณต้องการจำกัดอายุคน Like Page ของคุณตั้งแต่.................ให้ใช้ฟังชั่น Edit Page > Edit Settings > Age Restrictions > กำหนดช่วงอายุ
42. หากคุณต้องการลบ Page ทิ้งซะ ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ แนะนำให้ขายต่อดีกว่า หรือ ถ้าไม่ขายใช้ฟังชั่นนี้ Edit Page > Edit Settings > Remove Page
43. หากคุณต้องการหยุดการแสดงผลของ Fanpage ไว้ชั่วคราวใช้งานฟังชั่นนี้ Edit Page > Edit Settings > Page Visibility
44. Fanpage ไม่แจ้งเตือน Contact หรือ ไม่แจ้งเตือน Comment ให้เช็คที่ Edit Page > Edit Settings > Notifications > ให้เลือกทั้ง Email & Facebook (อันนี้แล้วแต่เลยนะครับ)
45. หากมีการปล่อย Ads ให้เลือกใช้ชนิดของ Facebook Ads ทุกประเภท แล้ววัดผลว่าอันไหนเหมาะกับคุณ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น